วันจันทร์ที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2562

ข้อดีของอาชีพวิทยากร


บทความ ความหมายของคำว่าวิทยากร
เรียบเรียงโดย อ.โกสินธุ์ อัคครุ่งเรือง
นักจิตวิทยาให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์

ในโลกนี้มีวิทยากรและนักพูดเก่ง ๆ หลายคนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่หลักสูตรฝึกอบรมของพวกเขายังคงขายดีทั่วโลก เช่น เดล คาร์เนกี้ เป็นต้น
ผมได้มีโอกาสอ่านบทความของ "อ.ไชยยศปั้น" ซึ่งท่านอธิบายและสรุปความหมายของคำว่า "TRAINER" ได้อย่างน่าสนใจดังนี้

1. Time Advantage
ข้อดีที่สุดของอาชีพนี้ก็คือการบริหารเวลา ซึ่งเราสามารจัดสรรเวลาทำงานได้ด้วยตัวเอง ว่าจะทำงานกี่วันพักผ่อนกี่วัน จัดสมดุลระหว่างงานและชีวิตครอบครัวได้ ช่วงไหนรับงาน

2. Respected by Others
ผู้คนส่วนใหญ่ จะให้เกียรติ ให้ความเคารพนับถือคนที่เป็นวิทยากร คนไทยเปรียบคนในอาชีพนี้เหมือนครู เพียงแต่ไม่ได้สอนเด็กแต่มาอบรมให้ความรู้กับคนที่เป็นผู้ใหญ่  เลยมักเรียกคนที่เป็นวิทยากรว่า อาจารย์

3. Adventure everyday
งานฝึกอบรมเป็นงานที่มีความสนุกตื่นเต้นเหมือนการผจญภัยในดินแดนที่เราไม่เคยไปมาก่อนเนื่องจากการทำงานกับคนที่เราไม่รู้จักมาก่อน พื้นฐานการศึกษาของผู้เข้าอบรมก็มีทุกระดับ ตำแหน่งผู้ก็หลากหลาย ตั้งแต่พนักงานระดับล่างไปถึงผู้บริหาร บางครั้งก็เจอนักเรียนนอก, หมอ, วิศวกร, ด๊อกเตอร์, ครีเอทีฟที่สร้างสรรค์สุด ๆ และธุรกิจที่แตกต่างกันทำให้ต้องเตรียมตัวเยอะมาก หลังบรรยายจบก็ต้องลุ้นว่าผลจะเป็นอย่างไรถูกใจผู้ว่าจ้างหรือไม่

 4. Independence
อาชีพนี้อิสระไม่มีเจ้านายเป็นงานรับจ้างครั้งคราว ทำให้มีอิสระที่จะคิดที่จะออกแบบ ริเริ่มสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ ยกเว้นว่าถ้าเจอลูกค้าเรื่องเยอะ หรือเอาแต่ใจ ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะรับงานหรือไม่

5. Network
อาชีพวิทยากรต้องไปฝึกอบรมให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้รู้จักผู้คนมากมาย หลากหลายอาชีพ จากลูกค้าผู้ว่าจ้างและลูกศิษย์ กลายมาเป็นเพื่อนกัน ทุกวันนี้ก็ยังแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอยู่บ่อย ๆ

6. Experience
อาชีพนี้ทำให้ผมได้ความรู้ และประสบการณ์เพิ่มขึ้นหลายด้าน เพราะการได้พบผู้คนที่หลากหลายอาชีพ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้คนทุกระดับตั้งแต่เด็กปั๊มน้ำมัน จนถึงผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนได้เรียนรู้จากวิทยากรท่านอื่น

7. Revenue
สำหรับข้อดีสุดท้ายเป็นเรื่องรายได้ที่ค่อนข้างดี ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญหรือชื่อเสียงของวิทยากรแต่ละท่าน ตอนผมทำงานประจำเมื่อสักสิบปีก่อนก็เคยติดต่อว่าจ้างวิทยากรมาบรรยายให้กับบริษัทที่ผมทำงานอยู่ค่าตอบแทนวิทยากรอยู่ที่ 10,000 – 200,000 บาท เป็นต้น

หากท่านเป็นคนที่มีความรู้ และพร้อมที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่ผู้อื่น อาชีพวิทยากร เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีเกียรติและน่าสนใจครับ และตอนนี้ สถาบันฝึกอบรม แทนใจ อิคซ์เพียเรียนซ์ เซลส์แอนด์เซอร์วิสส์ กำลังเปิดคัดเลือกวิทยากรเพื่อเข้าเป็นวิทยากรประจำสถาบัน หากท่านใดสนใจขอเรียนเชิญครับ

โกสินธุ์ อัคครุ่งเรือง
นักจิตวิทยาให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์


วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2562

อ่านพฤติกรรมมนุษย์ ตอน ข้อคิดดี ๆ ถ้าอยู่คนเดียวแล้วงูเข้าบ้านจะทำอย่างไร?


เช้าวันนี้ผมนั่งดูความเคลื่อนไหวของเพื่อน ๆ ในเฟสบุ๊คแบบเพลิน ๆ ตามปกติ ก็เลื่อนไปเห็นข้อความของน้องเจน (รุ่นน้องป.โท) ที่มีเนื้อหาสะดุดตาว่า สงสัยจะเนื้อคู่จะมา​ เจอแต่เช้าเลย ขอบคุณ​เพื่อนบ้านใจดีที่จับให้​ น่ากลัวมาก​ คืนนี้จะนอนหลับมั้ยเนี่ยะ



ปัญหาเรื่อง งูเข้าบ้านที่ไม่ว่างูตัวนั้นจะมีพิษหรือไม่ ก็นับได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าขนลุกมากเหตุการณ์หนึ่ง หลังจากผมได้เห็นรูปเจ้างูตัวนั้นก็เกิดคำถามขึ้นในใจว่า ถ้าเป็นเราจะทำอย่างไร? มาถึงตอนนี้ผมอยากให้ทุกคนหลับตาลงแล้วจินตนาการตามผม หากเวลานั้นเราอยู่บ้านคนเดียว เราสามารถทำอะไรได้บ้าง ไม่น่าเชื่อครับหลังจากลองจิตนาการดูก็พบว่า ความรู้ที่ได้จากนักจิตวิทยาที่ชื่อ ลาซารัส และโฟล์คแมน ที่ผมเกือบจะลืมทฤษฎีนี้ไปแล้ว ได้ลอยออกมาจากคลังความรู้ที่อยู่ลึกเกือบที่สุดของสมอง เป็นความมหัศจรรย์ของสมองที่สามารถดึงเครื่องมือที่ชื่อว่า การคิดวิเคราะห์ ออกมาใช้เพื่อหาวิธีการรับมือต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ การเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์กับองค์ความรู้หรือประสบการณ์ที่เราได้เรียนรู้มา ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทำให้ผมคิดทางเลือกออกมาได้ 3 ทาง คือ จะสู้ จะเฉย หรือจะหนี

ลำดับต่อมาก็มาดูนิสัยของผมว่าเป็นแบบไหน แล้วจะเลือกใช้วิธีการใดในการแก้ปัญหานี้ แต่สถานการณ์งูเข้าบ้านเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและต้องตัดสินใจในทันที รับรองได้ว่างูเข้าบ้านใครการตัดสินใจของคนนั้นจะมีความยาวเป็นเสี้ยววินาทีเท่านั้น เพราะทฤษฎีของ ซิกมันด์ ฟรอยด์ ไอธิบายไว้ว่า การป้องกันตัวเองจากอันตรายเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด (หากท่านใดไม่เชื่อลองให้งูเข้าบ้านดูสักครั้งก็ได้ครับ) ส่วนตัวผมเองมีนิสัยไม่ชอบหนีปัญหา และอีกอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อยู่ในบ้านเราจะให้หนีก็ไม่ได้ หรือจะให้เฉยแล้วใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับงูในบ้านก็คงไม่ดี เพราะเผลอ ๆ จะได้เมียเป็นงู ถ้าไม่ถูกมันรัดตายสะก่อน สุดท้ายตัวเลือกสำหรับผมมีไม่เยอะ หลังจากประเมินสถานการณ์แล้วคงต้องสู้ แต่จะสู้อย่างไรหละ ก็มีตัวเลือกเพียง 2 ข้อเท่านั้น คือ จับเป็น หรือจับตาย คำตอบของผมที่ได้คือ ผมไม่รู้วิธีการจับงู ผมรู้แต่วิธีการฆ่างู

และแล้วการประเมินสถานการณ์ขั้นสุดท้ายก็เริ่มขึ้น เมื่อเราสรุปว่า การจับตายเป็นวิธีที่เราเลือก เราก็ต้องใช้ความคิดต่อไปอีกว่าจะใช้เครื่องมืออะไรในการฆ่างู เช่น จะใช้ปืนหรือดาบดี  หรือใช้มีดทำครัวได้ไหม แต่ไม้ยาว ๆ ก็น่าจะปลอดภัยกว่า เมื่อการคิด วิเคราะห์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ผมก็มีคำตอบในใจของผมแล้วหละ แต่ผมจะขอฝากคำถามทิ้งท้ายให้กับทุกคนคิดต่อว่า ถ้าเป็นพวกเราจะเลือกใช้อาวุธอะไรในการ ฆ่างู ?”

หากเปรียบเทียบลูกน้องที่สร้างปัญหาให้แก่องค์กร คือ งูที่เข้าบ้าน ก็ให้ระลึกไว้เสมอว่า ไม่ว่างูจะมีพิษหรือไม่ ก็จะสร้างความหวาดกลัวให้แก่เราผู้เป็นเจ้าของบ้าน ลูกน้องที่มีปัญหาก็เช่นกัน ไม่ว่าพนักงานคนนั้นจะนิสัยดีหรือไม่ ก็จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการทำงาน แล้วเราที่เป็นหัวหน้าจะมีวิธีจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร เช่น สู้กับปัญหา โดยเรียกมาคุยมาปรับความเข้าใจกัน แตกเป็นแตก หักเป็นหัก หรือวางเฉย อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป หรือหนีปัญหา หลบหน้าหลบตา ไม่เรียกใช้งาน หรือให้ย้ายไปทำงานหน่วยงานอื่น สิ่งเหล่านี้คือ ทักษะการบริหารและจัดปัญหาที่หัวหน้างานยุค 4.0 ต้องมี 

ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับว่าเรื่องงูเข้าบ้านของน้องเจนในวันนี้จะให้ข้อคิดดี ๆ แบบงง ๆ และสิ่งที่ผมได้มาแชร์ในวันนี้ ผมขอเรียกมันว่า ความอัศจรรย์ของสมอง ก็แล้วกันครับ



-โกสินธุ์ อัคครุ่งเรือง-
นักจิตวิทยาให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์